รีวิว 8 อันดับ ครีมลดรอยสิว ที่คนไทยนิยมใช้มากที่สุด คลิกเลย!! อัพเดทล่าสุดปี 2567

ค้นหาสินค้าคุณภาพจากหลากหลายแบรนด์ดังกว่าร้อยแบรนด์ และร้านค้าแนะนำอีกมากมาย แหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย ช้อปสิ่งที่ชอบ เพิ่มสิ่งที่ใช่ให้ชีวิต ไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหน มาเพิ่มสิ่งที่ชอบได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ราคาเด็ดถุกใจลุกค้าแน่นอน ราคาที่ไม่แพง เราขอแนะนำ ครีมลดรอยสิว  สินค้ากับร้านที่เราแนะนำ  จากร้านค้า Online ที่ถู๊กถูกและเยี่ยมที่สุดในไทย สั่ง ครีมลดรอยสิว  ไป ราคาถูกจนไม่น่าเชื่อ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ลดราคาลงมาอีก สินค้าดีๆ ราคาถุก จัดส่งรวดเร็ว ของพรีเมี่ยม ตอนนี้ลองใช้มาซักพักใช้ได้ดี ไม่พบปัยหาเลยกับทางร้านค้า

     คุณรู้หรือไม่? ว่าปัจจุบันนี้"ครีมลดรอยสิว"นั้นโดยมีทั้ง ครีมลดรอยสิว แล้วแบบนี้คุณจะทราบได้อย่างไรว่าในแต่ละรุ่นหรือประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? หรือครีมลดรอยสิว ยี่ห้อไหนดี? ราคาแพงไหม? ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาครีมลดรอยสิวดีๆสักรุ่น วันนี้เราได้จัดอันดับ แนะนำ ครีมลดรอยสิวคุณภาพดีมาให้คุณได้เลือกกันแล้วดังนี้

เชื่อว่าหลายคนคงกำลังประสบปัญหามีรอยสิวอยู่ทั่วใบหน้า ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ เวลาแต่งหน้าทีก็ต้องลงรองพื้นหนา ๆ หรือใช้คอนซีลเลอร์เป็นตัวช่วยในการปกปิด แต่จริง ๆ แล้วอีกหนึ่งไอเทมที่ช่วยดูแลปัญหานี้ได้ก็คือ “ ครีมลดรอยสิว ” นั่นเองค่ะ เพราะนอกจากการปกปิดปัญหาผิวแล้ว การเริ่มต้นด้วยการดูแลบำรุงผิวหน้าก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์ครีมลดรอยสิววางจำหน่ายอยู่หลากหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไป จึงทำให้บางคนอาจจะตัดสินใจเลือกซื้อได้ยาก เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดีใช่ไหมคะ?


วันนี้เราจึงนำข้อมูล วิธีการเลือกครีมลดรอยสิว รวมถึง 10 อันดับผลิตภัณฑ์ครีมลดรอยสิว ที่ได้รับความนิยม และเห็นผลลัพธ์ที่ดีมาให้คุณได้ลองศึกษาและเลือกซื้อกันได้ง่ายขึ้น อย่ารอช้า รีบไปอ่านกันเลยค่ะ !

แม้ว่าในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บางอย่าง การอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริงจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น แต่สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังโดยตรงอย่างเช่น ครีมลดรอยสิวนั้น ก็ยังมีรายละเอียดสำคัญอีกหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกซื้อ

สารที่ช่วยลดรอยสิวมีอยู่หลายชนิดด้วยกันค่ะ มีทั้งสารสกัดจากธรรมชาติ หรือแม้แต่แร่ธาตุต่าง ๆ เรามาดูกันดีกว่าว่า สารตัวไหนมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

Vitamin B3 (Niacinamide) มีคุณสมบัติเป็น Whitening ช่วยลดเลือนรอยแดงและรอยดำ พร้อมปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น และเพิ่มความสดใส ทำให้ใบหน้าดูมีชีวิตชีวา ขณะเดียวกันก็ยังช่วยลดความมันบนใบหน้า (Sebum) หนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิว และช่วยคืนความชุ่มชื้น ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ไม่ระคายเคืองง่าย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายเป็นพิเศษค่ะ

Azelaic Acid คือ กรดที่สกัดได้จากธัญพืชต่าง ๆ เช่น ข้าวสาลี หรือข้าวบาร์เลย์ มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยสิวและฝ้าแลดูจางลง พร้อมช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (P.Acne) ที่ก่อให้เกิดสิว ทั้งยังช่วยลดการสร้างน้ำมันและเคราติน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวอุดตันได้ด้วย แต่ขอแนะนำว่า ระหว่างใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารดังกล่าว ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด เนื่องจากผิวจะไวต่อรังสี UV ทำให้เกิดรอยดำและฝ้ากระได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังไม่สามารถใช้ร่วมกับ Zinc PCA ได้ค่ะ


เกร็ดน่ารู้ : Zinc PCA คือ สารที่ช่วยลดความมันบนผิว ลดการอักเสบของสิว เร่งให้แผลจากหายเร็วขึ้น และเป็นส่วนผสมที่มักจะมีอยู่ในยาแต้มสิวค่ะ

Salicylic Acid มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นให้รอยสิวและจุดด่างดำต่าง ๆ จางเร็วขึ้น และช่วยกำจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขน ลดการเกิดสิวอุดตัน อย่างไรก็ตาม ก่อนเลือกซื้อแนะนำว่า ควรตรวจสอบความเข้มข้นของกรดด้วยนะคะ เพราะถ้ามีมากเกินไปอาจจะทำให้ระคายเคืองได้ แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ 0.5 - 2 % ใช้ทาบาง ๆ ทั่วหน้าวันละ 1 - 3 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน แต่ถ้าหากใช้แล้วผิวแห้งลอก ให้ลดความถี่ในการทาหรือทาแค่วันเว้นวันก็พอค่ะ

สารชนิดนี้มีส่วนช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งหากมีความเข้มข้นมากกว่า 3% ขึ้นไป จะช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยสิวจางลงเร็วขึ้น ใบหน้ากระจ่างใส และยังช่วยสมานรอยแผล รักษารอยแผลเป็นให้แลดูตื้นขึ้น แต่ไม่ควรมีความเข้มข้นเกิน 5% และไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกับสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Vitamin C นะคะ เพราะอาจจะทำปฏิกิริยาจน Vitamin C เสื่อมประสิทธิภาพลงได้ นอกจากนี้ ควรเก็บให้มิดชิดจากแสงแดดเพื่อป้องกันไม่ให้เสื่อมสภาพค่ะ

Licorice Extract คือ สารสกัดจากชะเอมเทศ ซึ่งเป็นส่วนผสมของสกินแคร์ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะมีคุณสมบัติช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน จึงช่วยให้เซลล์ผิวที่หมองคล้ำลดลงและเพิ่มสีผิวที่กระจ่างใสขึ้น รอยดำรอยแดงจากสิวก็ดูจางลง พร้อมทั้งช่วยลดและควบคุมความมันบนใบหน้า นอกจากนี้ ยังช่วยลดการอักเสบของผิวและการระคายเคืองต่าง ๆ จึงมีความอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่ายค่ะ

กรดที่สกัดได้จากกระบวนการหมักอาหารกลุ่มนม ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน กระตุ้นให้รอยแดงรอยดำจางลงเร็วขึ้น แต่ควรใช้ระดับความเข้มข้นไม่เกิน 10% นะคะ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ผิวบางลงมาก อย่างไรก็ตาม ขณะที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอยู่ ควรจะทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพราะ Lactic Acid จะทำให้ผิวไวต่อแสง มีโอกาสที่จะเกิดรอยดำ ฝ้าหรือกระได้ง่ายค่ะ


นอกจากนี้ ยังมี Glycolic Acid ที่เป็นสารสกัดจากอ้อยยังมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Lactic Acid คือ สามารถซึมซับเข้าสู่ผิวและผลัดเซลล์ได้ดีกว่ากรด AHA ชนิดอื่น ๆ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูขาวใสยิ่งขึ้น และมักจะเป็นส่วนผสมที่พบในเครื่องสำอางและครีมต่าง ๆ แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาสิวอย่างรุนแรงหรือผิวแพ้ง่าย เพราะเป็นกรดที่มีความเข้มข้นสูงค่ะ


เกร็ดน่ารู้ : เมื่อเทียบประสิทธิภาพการผลัดเซลล์ผิวระหว่าง Lactic Acid กับ Glycolic Acid แล้ว จะพบว่า Lactic Acid มีประสิทธิภาพน้อยกว่า แต่ก็มีความอ่อนโยนมากกว่า จึงสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลยค่ะ

สารสกัดจากหัวหอมใหญ่ อุดมไปด้วย Vitamin C, Sulfur, Phytochemicals, Flavonoids, Vitamin E, Quercetin, Kaempferol, และ Organosulfur จึงมีฤทธิ์ช่วยรักษาแผลเป็น ลดการเกิดแผล ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และต่อต้านการอักเสบ จึงนิยมใช้เพื่อการรักษาสิว อย่างไรก็ตาม จากผลการวิจัยพบว่า ควรจะใช้สารดังกล่าวกับรอยแผลเป็นที่ปิดสนิทแล้วถึงจะได้ผลดีที่สุดค่ะ

เนื่องจากส่วนผสมบางชนิดอาจจะทำให้ผิวแห้งลอกเป็นขุยได้ เช่น Salicylic Acid หรือ Glycolic Acid ครีมลดรอยสิวที่ดีจึงควรมีส่วนผสมของ Moisturizer เพื่อให้ความชุ่มชื้น ลดอาการผิวแห้งลอก เช่น Hyaluronic Acid, Collagen, Glycerin, Vitamin E หรือแม้แต่สารสกัดจากธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ อย่างไรก็ตาม ครีมที่มีความชุ่มชื้นสูง ก็มักจะมีเนื้อที่หนาและหนัก ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีสภาพผิวมันได้ค่ะ ดังนั้น ขอแนะนำว่าให้เลือกซื้อตามสภาพผิวของตัวเองเป็นหลักด้วยนะคะ

เนื้อสัมผัสก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ เพราะจะส่งผลต่อความรู้สึกขณะใช้ ซึ่งในบางครั้งอาจหมายถึงการใช้ต่อหรือเลิกใช้ไปได้เลยค่ะ ดังนั้น คุณจึงควรศึกษาจากรีวิวของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ว่ามีลักษณะเนื้อครีมเป็นอย่างไร หากคุณมีรอยสิวทั่วใบหน้าและเป็นคนหน้ามัน แนะนำว่าควรเลือกเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมซาบไว เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวอุดตันค่ะ


เรื่องกลิ่นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะผลิตภัณฑ์บางยี่ห้อก็อาจมีส่วนผสมที่กลิ่นแรง เช่น หัวหอม ซึ่งอาจจะไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับบางคน ก่อนเลือกซื้อจึงควรอ่านรีวิวให้ละเอียดด้วยนะคะ

โดยส่วนใหญ่ ผู้ที่ใช้ครีมลดรอยสิวมักจะเป็นผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มรักษาสิวอยู่แล้ว ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ส่วนมากจะทำให้ผิวบางลงหรือแห้งลอก ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงครีมทารอยสิวที่มีส่วนผสมของสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์, น้ำหอม, สี หรือพาราเบน โดยให้สังเกตข้อมูลที่ระบุบนฉลากว่าปราศจากสารดังกล่าว หรือตรวจสอบส่วนผสมอย่างละเอียดค่ะ

"ปัญหารอยสิว" เป็นปัญหาผิวที่ต้องรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ราคาของผลิตภัณฑ์จึงมีผลต่อการใช้งานระยะยาว ดังนั้น ก่อนจะซื้ออย่าลืมคำนึงถึงข้อนี้ด้วยนะคะ เพราะถ้าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูง เพื่อหวังผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ถ้าคุณไม่สามารถซื้อใช้ได้อย่างต่อเนื่อง สุดท้ายอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ เราจึงขอแนะนำให้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่สามารถซื้อใช้ต่อได้ในระยะยาวจะดีที่สุดค่ะ

หลังจากศึกษาวิธีการเลือกซื้อไปแล้ว คราวนี้เรามาดูครีมลดรอยสิวที่เป็นที่นิยมกันดีกว่าค่ะ อย่างไรก็ตาม เวลาเลือกซื้อให้คำนึงถึงปัญหาผิวของคุณเป็นหลักด้วยนะคะ เพราะครีมลดรอยสิวบางยี่ห้ออาจจะออกฤทธิ์แรงเกินไป ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อผิวของคุณได้ ถ้าพร้อมแล้ว เรามาดูกันเลยค่ะว่าจะมีผลิตภัณฑ์ยี่ห้อไหนที่น่าสนใจกันบ้าง

ครีมลดรอยสิวสูตรนี้น่าสนใจตรงที่มีค่า SPF 30 ช่วยปกป้องจากรังสี UVA และช่วยลดรอยแผลเป็นต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะแผลคีลอยด์ หรือแม้แต่รอยสิว เพราะมีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติถึง 5 ชนิด เช่น หัวหอม ใบบัวบก และว่านหางจระเข้ ที่จะช่วยบำรุงให้รอยแผลดูจางลง เรียบเนียน พร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวแข็งแรงและดูสดใสขึ้น โดยเวลาทาควรนวดเบา ๆ เพื่อให้เจลซึมเข้าผิวด้วยนะคะ และควรทาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นค่ะ

ผลิตภัณฑ์ดูแลรอยสิวสูตรนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ เพราะโดดเด่นด้วยส่วนผสมที่ช่วยลดรอยสิวอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Kojic Acid, Vitamin C, Vitamin B3 พร้อมทั้งอุดมไปด้วยสารสกัดที่ช่วยลดการอักเสบของสิวอย่าง Allium Cepa และช่วยยับยั้งการเกิดสิวใหม่ด้วย Tea Tree Oil โดยเนื้อครีมเป็นสีขาว สัมผัสค่อนข้างหนัก ต้องใช้เวลาในการซึมซาบ แนะนำให้ทาในปริมาณน้อย ๆ และทาบาง ๆ นะคะ นอกจากนี้ ครีมสูตรนี้ยังปราศจากแอลกอฮอล์และสารระคายเคืองต่าง ๆ ด้วยค่ะ

ครีมสูตรนี้มีส่วนผสม Vitamin E เป็นตัวหลัก มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ คืนความชุ่มชื้น และอาการระคายเคือง นอกจากนี้ ยังมี BHA และ NAB Complex ที่คอยช่วยผลัดเซลล์ผิว ให้รอยสิวดูจางลงเร็วขึ้น ลดการเกิดสิวอุดตัน พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มีเนื้อสีขาวขุ่น บางเบา กลิ่นหอมอ่อน ๆ ทาแล้วซึมซาบไว รีวิวส่วนใหญ่บอกว่า รอยสิวจางลงเร็วขึ้นหลังจากใช้ต่อเนื่อง ถือเป็นอีกสูตรที่น่าลองมาก ๆ ค่ะ

สำหรับครีมสูตรนี้อาจมีส่วนผสมหลักที่ค่อนข้างแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ เพราะใช้สารสกัดจากต้น Dragon's Blood ในแถบแอฟริกา ซึ่งมีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผล ลดรอยดำรอยแดงจากสิว หรือรอยคล้ำต่าง ๆ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยใช้เทคโนโลยี Herbanano Action ทำให้เนื้อเจลแทรกซึมสู่ผิวได้ดี พร้อมหลักการทำงานแบบพิเศษ ทำให้สารแต่ละชนิดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเนื้อมีลักษณะสีน้ำตาลใส มีกลิ่นเฉพาะตัว และอ่อนโยนต่อผิวค่ะ

ถือเป็นอีกหนึ่งครีมลดรอยสิวอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูงมาก โดยสูตรนี้มีส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ เช่น หัวหอม Wheat Cereal และว่านหางจระเข้ ผสานด้วยเทคโนโลยีเปปไทด์ขนาดเล็ก ช่วยเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้น พร้อมช่วยลดรอยสิว ทำให้จุดด่างดำแลดูจางลง และบำรุงให้รอยแผลอ่อนนุ่มลง นอกจากนี้ ยังสามารถลดการอักเสบของสิวและป้องกันการเกิดซ้ำได้ด้วยค่ะ ผู้ใช้จริงต่างบอกว่า หลังจากใช้อย่างต่อเนื่องประมาณ 1 เดือนพบว่ารอยดูจางลง และรู้สึกว่าผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้นค่ะ

เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยเห็นผลิตภัณฑ์สูตรนี้ผ่านตากันมาบ้างใช่ไหมคะ ซึ่งสูตรนี้โดดเด่นด้วยส่วนผสมของสารสกัดจากหัวหอมที่นำเข้าจากเยอรมนี ที่มีความเข้มข้นถึง 34 เท่า ผสานกับ MPS เนื้อมีลักษณะสีใส ซึมซาบได้ไว มีกลิ่นคล้ายหัวหอม ซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบได้ค่ะ แต่ในเรื่องของผลลัพธ์นั้น ผู้ใช้จริงส่วนใหญ่รีวิวว่า ใช้ติดต่อกันเพียงแค่ 1 อาทิตย์ รอยสิวใหม่ ๆ ดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด แต่รอยสิวเก่า ๆ ที่มีความลึกอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยค่ะ

ความพิเศษของครีมสูตรนี้ คือ สามารถตรงเข้าจัดการปัญหารอยสิวทั้ง 5 จุด ได้แก่ ลดรอยแดง รอยดำ ฟื้นฟูหลุมสิว แผลเป็นนุ่มขึ้น และป้องกันการเกิดซ้ำ ด้วยเทคโนโลยี 5-Dimensions Bioactive รวมสารสกัดจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น หัวหอม หากทาต่อเนื่องสักระยะหนึ่งจะพบว่ารอยสิวดูจางลงค่ะ อย่างไรก็ตาม รู้วิวจากผู้ใช้จริงบางส่วนบอกว่า เนื้อสัมผัสค่อนข้างเหนอะเล็กน้อย จึงแนะนำให้ทาเฉพาะจุด ไม่ควรทาทั่วใบหน้านะคะ

ผลิตภัณฑ์ของ Hiruscar สูตรนี้เป็นสูตรที่ช่วยดูแลรอยสิวโดยเฉพาะ ประกอบด้วยส่วนผสมทรงพลังอย่าง Allium Cepa และ Vitamin B3 ที่พร้อมช่วยกระตุ้นให้หลุมสิวหรือรอยบุ๋มตื้นเร็วขึ้น ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งลอก เนื้อผลิตภัณฑ์ค่อนข้างบางเบา มีสีเหลืองอ่อน ๆ ซึมซาบไว มีกลิ่นเฉพาะตัวที่อาจจะไม่ถูกใจบางคนได้ แต่เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว เพราะรีวิวส่วนใหญ่ต่างบอกว่า รอยสิวใหม่ ๆ จะเริ่มจางลงหลังจากใช้อย่างต่อเนื่องประมาณ 4 อาทิตย์ค่ะ

ครีมแต้มสิวสูตรมีส่วนผสมที่น่าสนใจ คือ Sulforawhite ที่มีคุณสมบัติช่วยลดรอยสิว และ Nopal Extract ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใสขึ้น นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมอื่น ๆ เช่น Phytosphingosine และ Meadowsweet Extract ที่ช่วยลดการเกิดสิวใหม่ด้วยค่ะ ครีมมีเนื้อที่บางเบา ซึมซาบไว ไม่ทิ้งคราบ ไม่ค่อยมีกลิ่น ทาแล้วไม่แสบหน้า หลังจากใช้แล้วรอยสิวจางลงไวขึ้น สิวอักเสบยุบลง และลดอาการบวมแดงของสิวได้ค่ะ

ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดรอยสิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีจุดเด่นคือ มีส่วนผสมของ Vitamin E ธรรมชาติเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยลดรอยสิวและจุดด่างดำ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน มีสุขภาพดี ทั้งยังสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มน้ำได้ถึง 97% เลยล่ะค่ะ เนื้อครีมสีขาว มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ สัมผัสค่อนข้างหนัก ทาแล้วต้องใช้เวลาในการซึม ใครที่ผิวหน้ามันมาก ๆ แนะนำให้หาเฉพาะกลางคืนหรือทาในปริมาณน้อยนะคะ

ครีมลดรอยสิว ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นของใครหลายคน เพราะคงไม่มีใครอยากมีผิวหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำต่าง ๆ หรือรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิว ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้มีวิธีเลือกซื้อง่าย ๆ เพียงแค่คำนึงถึงส่วนผสม ความชุ่มชื้น เนื้อสัมผัส ปราศจากสารระคายเคืองและราคา ตามที่เราได้แนะนำไปในข้างต้น เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ครีมลดรอยสิวที่เหมาะกับคุณมากที่สุดแล้วค่ะ


อย่างไรก็ตาม การใช้ผลิตภัณฑ์ครีมลดรอยสิว อาจเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เราขอแนะนำให้ทุกคนใส่ใจดูแลผิวหน้าไม่ให้เกิดสิวจะดีที่สุด โดยการเลือกซื้อสกินแคร์ต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า และทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี เพื่อให้มีผิวที่สวยใสและอยู่กับเราไปนาน ๆ นะคะ